ประวัติ ศึกแดงเดือด แมนยู เจอ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นเพราะเหตุใด


manu-vs-liverpool

สโมสรพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีอยู่ 2 สโมสร ที่มีฐานแฟนบอลมากสุดในโลกคงหนีไม่พ้นสโมสร ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองทีมนี้ถือว่าหากได้เจอกันในการแข่งขัน ถือได้ว่าเป็นศึกคู่บอลหยุดโลก “The Red Wars” หรือที่ประเทศไทยเรียกกันว่า ศึกแดงเดือด

หากทั้ง 2 ทีมนี้เจอกันเมื่อไรจะได้ดูกีฬาฟุตบอลแบบมันๆ ที่เราสามารถตะโกนใส่ทีมคู่แข่งได้ โดยไม่สนใจอันดับว่าจะอยู่ที่เท่าไรในตาราง

จุดเริ่มต้นของความบาดหมางทั้ง 2 เมือง

manchester-canal

ต้องย้อนเวลาอดีตกลับไปประมาณ 120 ปี ตำนานความบาดหมางของเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล จุดเริ่มต้นไม่ได้เป็นในเรื่องของฟุตบอล แต่มันคือเรื่องของธุรกิจ ซึ่งทั้ง 2 มีจุดเริ่มต้นที่ปรองดองช่วยเหลือกันด้วยกันดีมาก่อน แถมช่วงเวลานั้นยังไม่มีการก่อต่อสโมสรฟุตบอลด้วย

เมืองแมนเชสเตอร์ มีอุตสาหกรรมใหญ่ส่งออก ฝ้ายดิบ หากจะนำไปขายต้องอาศัยท่าเรือ ลิเวอร์พูล ส่งออกไปให้ต่างประเทศ ทั่วทวีปตะวันตกเฉียงเหนือ และอเมริกา

ส่วนทางเมือง ลิเวอร์พูล มีท่าเรือขนาดใหญ่ ที่สามารถส่งออกสินค้า หรือ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรเข้ามาต้องผ่านที่นี่ทั้งหมดมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับเงินเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้คนในเมืองมีงานทำ

ปี 1894 แต่แล้วความบาดหมางก็เกิดขึ้น ด้วยเศรษฐกิจอังกฤษ เริ่มมีความตกต่ำอาชีพการงานแย่ลง ซึ่งเมือง แมนเชสเตอร์ ก็ยังจุดแข็งมีธุรกิจการส่งออก ฝ้ายดิบ เป็นที่สนใจกันอยู่ แต่การส่งออกไปขายต้องผ่านท่าเรือ ลิเวอร์พูล ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมใช้จ่ายเงินจำนวนมาก โดยทาง เมืองแมนเชสเตอร์ จึงได้เริ่มทำการเก็บเงินแล้วขุดลอกแม่น้ำเองยิงตรงมาเมืองแมนเชสเตอร์ได้เลย ซึ่งไม่ต้องผ่าน ท่าน้ำเมอร์ซีย์ไซด์ อีกต่อไปแล้วไม่ต้องค่าผ่านทางเสียเงินภาษี

ทางด้าน เมืองลิเวอร์พูล ได้รับกระทบหนักทันที เนื่องจาก เมืองแมนเชสเตอร์ ไม่ได้ผ่านขนส่งเส้นทางนี้แล้ว ทำให้คนในเมืองตกงาน แล้วเสียรายได้ไปอย่างมหาศาล จึงทำให้คนของลิเวอร์พูล โกรธแค้นกันมาก แล้วนี่เป็นสัญญาณของ 2 เมืองใหญ่ที่เก่งในด้านธุรกิจ เริ่มหันมาบาดหมางกันเองมากยิ่งขึ้น

ฟุตบอล ศึกแดงเดือด ไม่ยอมใคร

Manu-1905-06

หลังจากที่ธุรกิจแยกย้ายกันไปแล้ว ทางประเทศอังกฤษ ได้มีการนำกีฬาฟุตบอลเข้ามา แล้วทั้ง 2 สโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ก็ได้เข้ามาอยู่ด้วยไม่มีพลาด ด้วยทั้ง 2 เมืองเป็นเหมือนเจ้าพ่อธุรกิจใหญ่ ทำให้มีเม็ดเงินที่สามารถใช้จ่ายได้สบาย ร่วมไปถึงการบริหารสโมสร ซึ่งสามารถดึงตัวผู้เล่นความเก่งกาจ แล้วครองความเป็นใหญ่จนทำให้ทีมจากทั้ง 2 เมือง มีขื่อเสียงโด่งดังไปต่างประเทศ

ปี 1963 – 1964 ในปีนั้นทางสโมสร ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์มาครองได้สำเร็จ แล้วปีต่อมา แมนยู ก็สามารถคว้าแชมป์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้ง 2 ทีมผลัดกันเป็นแชมป์ลีกไปมา สู้กันลุ้นสนุกในสนามว่าใครจะเป็นสโมสรที่เก่งที่สุดในประเทศอังกฤษ

ปี 1968 แต่พอเป็น ยูโรเปี้ยนคัพ เป็นทาง แมนยู ที่สามารถสัมผัสแชมป์ได้ก่อน กลับกัน ลิเวอร์พูล ไม่ยอมน้อยหน้าพยายามพัฒนาทีม จนสามารถเป็นแชมป์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

Liverpool-team-1892-93

ในช่วงยุค 60 – 80 ทั้งสองทีมสโมสร ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ ลิเวอร์พูล ครองยึดความเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอดมากถึง 18 สมัย จนทำให้ แมนยู ต้องตกต่ำตามรอยร่มเงามาโดยตลอด โดยการคว้าแชมป์ปิศาจแดงครั้งสุดท้ายในปี 1966

ปัจจุบันทั้ง 2 ทีมสโมสร ยังคงเปิดศึกดวลกันในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ผลงานทั้ง 2 ทีมกำลังขับเคี้ยวดวลกันสนุก ยังคอยเสริมทัพนักเตะผู้เล่นระดับโลกเข้าสู่ทีมของตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะมีผลงานไม่ดีผลัดกันไปมา แต่หากในเวลานี้ทีมสโมสรที่ครองพรีเมียร์อังกฤษมากสุดกลับเป็นของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด  20 สมัย ส่วนทาง ลิเวอร์พูล 19 สมัย กลับกันถ้วยบอลยูฟ่าแชมเปี้ยน ผีแดง 3 สมัย และ หงส์แดง 6 สมัย